Blue House Website|Blue House Website

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

MLM no SALE

MLM ไม่ใช่งานขาย
MLM หรือธุรกิจเครืองข่าย
ที่บ้านเราเรียกว่าขายตรง หรือdirectsell
ซึ่งจริงๆแล้ว MLM ย่อมาจากคำว่า
MULTI LEVEL MARKETING
ซึ่งหมายถึงการตลาดแบบหลายชั้น
จะเห็นว่าไม่มีคำว่าขายเลยใช่ไหมครับ

อ้อ..แบบลูกโซใช่ไหม
ไม่ใช่ครับ..เพราะว่า
แบบลูกโซนั้นจะเป็นลักษณะการกินหัวคิว
แต่ระบบเครือข่าย..จะเหมือนโทรศัพท์มือถือครับผม
ไม่ใช่เครื่องโทรศัพท์นะครับ
ผมหมายถึงระบบโทรศัพท์
ซึ่งเจ้าของระบบจะมีรายได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ
จำนวนผู้ลงทะเบียนใช้ในระบบ

ครับ..MLM ก็คือเครือข่ายผู้ใช้สินค้า
หรือเครือข่ายผู้บริโภคนั่นเอง
ซึ่งรายได้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเครือข่ายหรือสมาชิก

ในบ้านเรามีคนเป็นจำนวนมากที่ทำธุรกิเครือข่าย
แต่คนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จนั้นมีน้อย
คนที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จเพราะ
หนึ่งเน้นการขายไม่เน้นการสร้างเครือข่ายหรือสร้างเครือข่ายไม่ได้
สองซื้อเอาตำแหน่งหรือซื้อทำยอดครั้งละมากๆและไม่มีเครือข่ายที่มากพอ

ส่วนคนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จนั้นเพราะ
เข้าใจระบบหรือเข้าใจธุรกิจว่า
ปัชญาของธุุรกิจเครือข่ายก็คือเครือข่ายผู้ใช้สินค้าหรือเครือข่ายผู้บริโถค
มันไม่ใช่งานขาย
มันคืองานการตลาดล้วนๆๆ..
เป็นงานสร้างเครือหรือขยายเครือข่าย
ถ้าคุณมีเครือข่ายที่มากพอคุณก็จะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ

ถ้าคุณคิดที่จะทำธุรกิจเครือข่าย
อย่าลืมนะครับว่า MLM นั้นคือ
MULTI LEVEL MARKETING
MLM NO SALE
คุณประสบความสำเร็จแน่นอนครับ
โชคดีครับผม

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

wind with success

ลมหายใจกับความสำเร็จ
คนที่หายใจสั้น
มักจะเป็นคนที่อารมณ์ร้อน
แล้วก็ขาดสติปัญญา
ทำอะไรก็ขาดสติ
มีแต่เรื่องวุ่นวายอยู่ตลอด

ส่วนคนที่หายใจยาวววว
มักจะเป็นคนที่อารมณ์เย็น..ใจเย็น
ทำอะไรก็ทำอย่างมีสติปัญญา
ผลงานก็ออกมาดี
ดั่งคำโบราณที่ว่า"ช้าๆได้พร้าเล่มงาม"
คนที่อารมณ์เย็น
มักจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
มากกว่า...คนที่อารมณ์ร้อน

พระเอกนางเอกในหนังในละคร
จะเป็นคนที่พูดจาสุภาพนุ่มนวล
และที่สำคัญคือเป็นคนใจเย็น
ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ร้าย

ฟังแล้วอยากเป็นคนใจเย็นไหมครับ
ถ้าอยากเป็นคนใจเย็น....อารมณ์เย็น
ก็ต้องฝึกหายใจ...ยาวววววววววววว
หายใจเข้าก็ยาววววว
หายใจออกก็ยาววววว

hotel nightmare

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณเกือบสามสิบปีมาแล้ว
เกิดขึ้นกับผมเองครับ
วันหนึ่งหลังจากที่ผมและพี่เขยไปทำธุระที่โคราช
แล้วเดินทางกลับโดยทางรถไฟ
มาถึงสถานีรถไฟสุรินทร์เวลาประมาณสี่ทุ่ม
ซึ่งเป็นเวลาที่ดึกมากสำหรับคนต่างจังหวัด
รถโดยสารที่จะวิ่งออกนอกเมืองก็ไม่มี
พี่เขยก็ถามผมว่าจะเอาไงดี
คือหมายความว่าจะพักบ้านญาติหรือจะพักโรงแรม
ผมบอกว่าพักโรงแรมดีกว่า ใกล้และสะดวกดี
ที่หน้าสถานีรถไฟสมัยนั้นจะมีโรงแรมอยู่สองโรงแรม
ซึ่งเป็นอาคารไม้สองชั้น
และจะมีสะพานไม้ขนาดกว้างกระดานสองแผ่นต่อกัน
ยาวจากหน้าสถานีรถไฟถึงโรงแรมระยะทางประมาณ ๑๕๐ เมตร
ผมจำชื่อโรงแรมไม่ได้ครับเพราะนานมากแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นเหลืออยู่ ๑ อาคาร ซึ่งปิดให้บริการแล้ว มีสภาพผุพังและทรุดโทรมมาก บงบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านมา

อ้าว..เข้าเรื่องต่อครับ
ผมและพี่เขยเข้าไปติดต่อห้องพัก
เราเลือกเอาห้องพักที่อยู่บนชั้นสอง
ภายในห้องก็มีเตียง ที่นอน หมอน มุ้ง ห้องนํ้า
ต้องกางมุ้งนอนครับ ไม่งั้นยุงกัด
กว่าจะได้นอนก็เกือบๆเที่ยงคืน
พอผมนอนเคลิ้มๆหลับ
เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นครับ
ผมเห็นมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเตียงด้านที่ผมนอน
เธอนุ่งผ้าถุงเสื้อแขนสั้น
เธอยืนมองดูผมอยู่.....
เธอยืนอยู่นอกมุ้งด้านที่ผมนอน
แล้วเธอก็ค่อยๆ......ก้มหน้ามองดูผมแบบใกล้ๆๆๆ
ผมตกใจมาก
ผมพยายามปลุกพี่เขยที่นอนหลับอยู่ข้างๆ
แต่ผมกระดิกตัวไม่ได้ แขนก็ยกไม่ขึ้น
ในตอนนั้นผมเหมือนโดนสะกด
แต่ก็โชดดีที่ผมไม่ได้นอนอยู่คนเดียว
พี่เขยตื่นได้ทันเวลาพอดี..ตอนที่เธอมองดูผมใกล้ๆๆๆ
เธอหายไป..หายไปไหน
ผมลุกขึ้น เปิดมุ้งแล้วเดินไปดูที่ประตู หน้าต่าง ห้องนํ้า
ทุกอย่างปกติดี ปิดสนิท
ห้องนํ้าก็ไม่มีร่องรอยอะไรเลย
พี่เขยถามผมว่ามีอะไร ผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
พี่เขยไม่เชื่อ และบอกว่าผมฝันไปเอง

หลังจากนั้นผมและพี่เขยก็นอนต่อ
พี่เขยหลับแล้วแต่ผมยังนอนไม่หลับ
พอผมเคลิ้มหลับ...
ก็เกิดเหตุการณ์ทำนองเดี่ยวกันอีก
ผมกลัวมาก.....
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะเวลาห่างกัน
แต่ก็เหมือนกันทั้งสองครั้ง
ผู้หญิงคนเดียวกัน แต่งตัวเหมือเดิม
และ..มายืนอยู่ที่เดิม..ข้างๆผม
พอถึงตอนที่เธอค่อยๆ...ก้มมองดูผมใกล้ๆๆๆ
พี่เขยก็ตืนมาพอดี
เหตุการณ์นั้นก็หายไป

ผมบอกพี่เขยว่าผมไม่นอนอีกแล้ว..ผมกลัว
ผมจะไปนั่งรอที่สถานีรถไฟ
ด้วยความเป็นห่วงผม พี่เขยก็ไม่นอนเช่นกัน
เราพากันไปนั่งที่สถานีรถไฟ
ตอนนั้นเวลาประมาณตีหนึ่ง
ต้องรอถึงตีห้าครึ่งถึงจะมีรถโดยสารออกนอกเมือง

(เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์)

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

pattaya sick

วันหนึ่งที่ร้านอาหาร sea food พัทยาใต้ที่สร้างอยู่บนทะเลชายฝังพัทยาใต้ มีระเบียงไว้ให้แขกนั่งตากลมชมวิวขณะที่รับประทานอาหาร ตอนนั้นเป็นเวลากลางวัน ผมไปยืนที่ระเบียงเพื่อจะดูความสวยงาม
ของหาดพัทยา ผมสังเกตุเห็นว่าข้างล่างร้านอาหารที่ผมยืนอยู่ซึ่งก็คือนํ้าทะเลที่สกปรกและมีกลิ่นเหม็นโชยขึ้นมานิดๆเป็นบางครั้งตามแรงลมและคลื่นที่มากระทบฝั่ง
พัทยาป่วย..พัทยาไม่สบาย
ถ้าปล่อยปะละเลยไว้อย่างนี้อีกสักสิบปีข้างหน้า ร้านอาหารแถวนี้คงจะไม่มีใครอยากเข้ามานั่งแน่ๆเพราะทนกลิ่นเหม็นของนํ้าทะเลไม่ไหว
pattaya beach ชายหาดพัทยาใต้เป็นรูปตัวยูหรือเป็นลักษณะก้นอ่าว หากคิดว่านํ้าสกปรกที่อยู่ใต้ร้านอาหารแห่งนี้หรือริมหาดพัทยานี้จะถูกธรรมชาติทำลายล้างหายไปเองคงเป็นไปได้ยากเพราะวันๆคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งตลอดเวลา โอกาสที่จะไหลออกสู่ทะเลนั้นคงเป็นไปได้ช้ามากในขณะที่นํ้าเสียไหลลงสู่ทะเลตลอดเวลา
มีวิธีเดียวที่จะรักษาพัทยาให้หายป่วยได้คือย้ายร้านอาหารที่อยู่ริมทะเลชายหาดนี้แล้ววางระบบกำจัดนํ้าเสียไม่ให้ไหลลงสู้ทะเลได้อีก
เพื่อพัทยา
เพื่อลูกหลานในอนาคต
รีบๆทำเถอะครับ

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปัญหาชีวิต

มีเพื่อนที่เชียงใหม่บอกว่ากำลังมีปัญหาชีวิตครอบครัวอย่างหนัก ไม่รู้จะทำอย่างไร บอกใครก็ไม่ได้

ผมก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนได้อย่างไรเพราะไม่รู้ปัญหา ก็เลยคิดว่าจะเขียนบทความนี้เพื่อเพื่อน และเพื่ออีกหลายๆคนที่คิดว่ากำลัมีปัญหาชีวิต

ชีวิต คือ ความเป็นอยู่,ลมหายใจ,ความรู้สึก,การต่อสู้

ไม่ว่าชีวิตจะมีความหมายว่าอย่างไร

แต่ที่แน่ๆแน่นอนที่สุดก็คือทุกชีวิตย่อมมีปัญหา

คนจนก็มีปัญหา คือ อยากรวย อยากมีรถ อยากมีบ้าน

คนรวยก็มีปัญหา ธุรกิจ สังคม สุขภาพ ความรัก

คนมีครอบครัวก็มีปัญหาครอบครัว

คนโสดก็มีปัญหา อยากมีคู่ อยากมีแฟน อยากมีกิ๊ก

คนแก่ก็มีปัญหา สุขภาพ ความเป็นอยู่ ห่วงลูกห่วงหลาน

เด็กก็มีปัญหา ที่ทำให้ผู้ปกครองเป็นห่วง

สรุปคือ ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกัน

เราหนีปัญหาไม่ได้

เพราะปัญหามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

มีเพื่อนคนหนึ่งยอมจ่ายเงินหลายหมื่นบาทเพื่อไปฟังการบรรยายเรื่อง"ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จและชีวิตมีความสุข"

หลังจากที่ฟังการบรรยายกลับมาแล้ว ถามว่า

ได้อะไรมาบ้าง

เพื่อนตอบว่าได้แบบนี้ไง ว่าแล้วก็เดินเข้ามากอดคอผนแล้วเดินไปด้วยกัน

อะไรกัน ผมสงสัยในการกระทำ

เพื่อนอธิบายว่า ชีวิตจะมีความสุขได้นั้นเราต้องอยู่กับปัญหาให้ได้เพราะปัญหามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา เปรียบเสมือนตัวเรากับเงาของเรา

เฮอ...บินไปฟังถึงเมืองนอกเมืองนาได้มาแค่เนี้ย

ที่บ้านเมืองเราก็มี

ไปฟังหลวงพ่อท่านพูดดีกว่า ฟรีไม่เสียตังค์ด้วย...

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ท่านพูดว่า

"การแก้ปัญหายุ่งยากของชีวิต

ไม่ได้อยู่ที่การเพิ่มปริมาณ

หรือการแก้ด้วยการหลบหนี

แต่จะแก้ด้วยการศึกษา

ให้รู้เหตุที่มาของความยุ่งยากนั้น

การค้นให้พบต้นเหตุนี้แหละ

คือการแก้ปัญหาชีวิต

ท่านจะสดชื่นตลอดปี ดีตลอดกาล

จะพบกับความสำเร็จ ความสุข"